ชีวิตช่วงกลาง : สปอลิอาออปีมา ของ มาร์กุส เกลาดิอุส มาร์แก็ลลุส

หลังจากสงครามพิวนิกครั้งที่หนึ่งซึ่งมาร์แก็ลลุสร่วมรบในฐานะทหาร พวกกอลที่อยู่ทางเหนือได้ประกาศสงครามต่อโรมเมื่อ 225 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในปีที่สี่และปีสุดท้ายของสงคราม มาร์แก็ลลุสได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกงสุลหนึ่งในสองที่นั่ง เพื่อนร่วมงานของเขาคือ กงสุลกไนอุส กอร์เนลิอุส สกีปิโอ กัลวุส กงสุลชุดก่อนหน้าได้เอาชนะแคว้นอินซูเบรีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่ากอล ไปจนถึงแม่น้ำโป หลังจากความพ่ายแพ้ที่เลวร้ายนั้น อินซูเบรียถูกล้อม แต่มาร์แก็ลลุสซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้เป็นกงสุล โน้มน้าวให้รักษาการกงสุลทั้งสองคนไม่ยอมรับเงื่อนไขสันติภาพนี้ เมื่อมาร์แก็ลลุสและเพื่อนร่วมงานของเขาเข้าทำงานในตำแหน่งกงสุล อินซูเบรียจึงรวบรวมพวกไกซาไตซึ่งเป็นพันธมิตรของกอลจำนวน 30,000 คนเพื่อมาสู้กับโรมัน[2] มาร์แก็ลลุสได้รุกรานอินซูเบรียลึกเข้าไปถึงแม่น้ำโป เช่นเดียวกับที่กงสุลก่อนหน้าเคยประสบความสำเร็จ จากที่นั่น พวกกอลส่งทหาร 10,000 คนข้ามแม่น้ำโปและโจมตีกลัสติดิอูง ป้อมปราการของโรมัน เพื่อเบี่ยงเบนการโจมตีของโรมัน[2] สมรภูมินี้เองที่เป็นเวทีของการเผชิญหน้าระหว่างมาร์แก็ลลุสกับวีรีโดมารุส กษัตริย์กอล ซึ่งเป็นการจารึกชื่อของเขาในประวัติศาสตร์

การเผชิญหน้าตามที่พลูทาร์กเล่านั้นมีรายละเอียดจำนวนมากจนอาจตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องของการบรรยายนี้ พลูทาร์กเล่าว่าก่อนหน้าการรบ วีรีโดมารุสมองเห็นมาร์แก็ลลุสผู้ซึ่งสวมเครื่องหมายผู้บัญชาการบนเกราะ และขี่ม้าออกมาพบกับเขา มาร์แก็ลลุสมองเห็นเกราะที่สวยงามบนหลังของข้าศึกที่กำลังขี่ม้ามุ่งมาทางเขา และสรุปได้ว่านี่เป็นเกราะที่สวยที่สุด ซึ่งเขาเคยสวดอ้อนวอนแก่เทพเจ้าให้ส่งมาแก่เขา จากนั้นทั้งสองคนก็ต่อสู้กัน และหลังจากนั้น มาร์แก็ลลุส "ด้วยการแทงหอกของเขาซึ่งทะลุทะลวงเกราะอกของข้าศึกนั้น และโดยการอัดของม้าของเขาที่วิ่งสุดฝีเท้า ได้เหวี่ยงเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ลงบนพื้น และด้วยโจมตีครั้งที่สองและสาม ข้าศึกก็สิ้นใจลงในทันทีทันใด"[1] มาร์แก็ลลุสปลดชุดเกราะออกจากศัตรูที่สิ้นชีพ ซึ่งเขาเรียกมันว่าสปอลิอาออปีมา คำนี้ซึ่งหมายถึง "ของริบสูงสุด" เป็นที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์โรมันว่าเป็นรางวัลที่เป็นที่เคารพและมีเกียรติสูงสุดที่นายพลสามารถได้รับ มีเพียงนายพลที่สังหารผู้นำของกองทัพฝ่ายตรงข้ามก่อนหน้าการบเท่านั้นที่จะได้รับเกียรติได้รับสปอลิอาออปีมา

หลังจากที่ได้สังหารนักรบที่น่าเกรงขามลงแล้ว ผู้ซึ่งเขาทราบในภายหลังว่าเป็นกษัตริย์ มาร์แก็ลลุสได้อุทิศชุดเกราะนั้น ให้แก่เทพจูปิเตอร์ผู้พิชิตศัตรู ซึ่งเขาได้ให้สัญญาไว้ก่อนหน้าการรบ ในเรื่องนี้มีปัญหาในการบอกเล่าเหตุการณ์ของพลูทาร์ก เมื่อมาร์แก็ลลุสมองเห็นนักรบที่แต่งกายสวยงามที่สุดแล้ว เขาไม่ได้มองว่าผู้นั้นเป็นกษัตริย์ แต่มองว่าเป็นชายที่มีชุดเกราะเช่นนั้น แต่ทันทีหลังจากการรบ มาร์แก็ลลุสได้อธิษฐานต่อเทพจูปิเตอร์ผู้พิชิตศัตรู โดยกล่าวว่าเขาได้สังหารกษัตริย์หรือผู้ปกครอง[3] ความไม่สอดคล้องกันนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าของพลูทาร์กอาจถูกเสริมแต่งขึ้นเพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อน นอกจากนี้ เป็นไปได้ว่าพลูทาร์กเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อยกย่องมาร์แก็ลลุสในฐานะวีรบุรุษแห่งโรม แทนที่จะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์

หลังจากการต่อสู้ระหว่างมาร์แก็ลลุสกับกษัตริย์แห่งกอล ทหารโรมันซึ่งมีจำนวนเหนือกว่าได้ทำลายการล้อมที่กลัสติดิอูง โดยสามารถชนะศึกและดำเนินการผลักดันกองทัพกอลไปจนถึงเมืองหลวงแมดิโอลานูง ที่นั่น พวกโรมันเอาชนะพวกกอล และพวกกอลยอมจำนนต่อโรมันในที่สุด[1] เงื่อนไขสันติภาพระหว่างทั้งสองได้รับการยอมรับและสงครามกอลยุติลง พอลิเบียส นักประวัติศาสตร์ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช กล่าวว่าความสำเร็จโดยรวมเกือบทั้งหมดเป็นผลงานของสกีปิโอ เพื่อนร่วมงานของมาร์แก็ลลุส แต่เนื่องจากมาร์แก็ลลุสได้รับสปอลิอาออปีมา มาร์แก็ลลุสจึงได้รับการเฉลิมฉลองมากกว่า หลังจากสงครามกอล ชื่อของมาร์แก็ลลุสเหมือนจะจางหายไปจากประวัติศาสตร์ไปพักหนึ่งจนกระทั่ง 216 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นช่วงชีวิตบั้นปลายของเขา

ใกล้เคียง

มาร์กุส แพช็อน มาร์กุส เกลาดิอุส มาร์แก็ลลุส มาร์กุส อันโตนิอุส มาร์กุส วิปซานิอุส อากริปปา มาร์กุส ยูนิอุส บรูตุส มาร์กุส ลิกินิอุส กรัสซุส มาร์กุส ไอมิลิอุส แลปิดุส มาร์คุส ซุทเนอร์ มาร์คุส ว็อล์ฟ มาร์กอส โรโฮ